ภาพยนตร์แอ๊กชั่นเกาหลีฟอร์มยักษ์
TRAIN TO BUSAN : PENINSULA หรือ
"ฝ่านรก ซอมบี้คลั่ง" เป็นภาคต่อจากเหตุการณ์ใน
TRAIN TO BUSAN ซึ่งทั้งภูมิภาคแดนเกาหลีถูกฝูง "ซอมบี้" เข้ายึดครองได้ทั้งหมด หนังบอกเล่าเรื่องราวของ "ชาย" ที่หวนคืนแผ่นดินบ้านเกิด จนไปพบกลุ่มผู้รอดชีวิตที่ไม่เคยจากไปไหน และกลุ่มคนวิปริต เพราะสภาพแวดล้อมอันโหดร้าย ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอดจากฝูงซอมบี้แทบทุกเวลา
สำหรับพระเอกของเรื่องคือ
"คังดงวอน" ที่มารับบทเป็น
"จองซอก" ชายผู้เป็นความหวังสุดท้ายที่จะพาผู้รอดชีวิตหนีตายจากเกาะที่เต็มไปด้วยฝูงซอมบี้แล้ว ยังมีอีก 2 บทบาทที่มีส่วนช่วยให้มนุษย์รอดชีวิตจากฝูงซอมบี้ได้ ทั้งยังคอยช่วยเหลือ
"จองซอก" ได้ดีที่สุดนั่นก็คือบทบาทของ
"มินจอง" รับบทโดย
"อีจองฮยอน" ผู้หญิงที่มีประสบการณ์เอาชีวิตรอดมาโชกโชน เธอคือคุณแม่สุดแกร่งคอยปกป้องลูกสาวทั้งสอง ให้รอดชีวิตท่ามกลางฝูงซอมบี้ และนี่ถือเป็นบทที่หินที่สุดในชีวิตนักแสดงของเธอ
"อีจองฮยอน" แจ้งเกิดจาก A PETAL และทำให้เธอคว้ารางวัล Blue Dragon Awards สาขานักแสดงหญิงหน้าใหม่ไปครอง จากนั้นเธอรับบทในภาพยนตร์คุณภาพมากมาย เช่น ROARING CURRENTS, ALICE IN EARNESTLAND และ BATTLESHIP ISLAND ก่อนที่จะมารับบทนำควบคู่ไปกับ คังดงวอนในภาพยนตร์เรื่อง "TRAIN TO BUSAN : PENINSULA ฝ่านรก ซอมบี้คลั่ง"
และอีกหนึ่งบทบาทที่มีส่วนช่วยในการฝ่าวิกฤตซอมบี้ในครั้งนี้คือ เด็กสาวนักซิ่ง
"จุนอี" รับบทโดย
"อีเร" สำหรับ
"จุนอี" เธอเติบโตขึ้นมาในคาบสมุทรเกาหลีหลังโลกาวินาศ เธอเรียนรู้วิธีเอาชีวิตรอดก่อนที่จะอ่านหนังสือออก ทักษะการขับรถขั้นเทพของเธอทำให้เธอซิ่งฝ่าถนนที่มีแต่ซอมบี้ได้สบาย ถึงแม้ว่าต้องดูแลน้องสาวไปด้วยก็ตาม "อีเร" แจ้งเกิดจากเรื่อง HOPE ในปี 2013 เธอรับบทเป็นเด็กหญิงที่เป็นเหยื่อการคุกคามทางเพศ การแสดงของเธอเป็นที่ฮือฮาไปทั้งเกาหลี หลังจากนั้นเธอรับบททั้งทางจอเงินและจอแก้ว ไม่ว่าจะเป็น HOW TO STEAL A DOG, A MELODY TO REMEMBER และSEVEN YEARS OF NIGHT ก่อนที่จะมาเป็นเด็กนักซิ่ง ซึ่งผู้กำกับ ยอนซังโฮได้กล่าวว่า “บทบาทของเธอในเรื่องนี้เป็นตัวขโมยซีนขนานแท้และโดดเด่นไม่แพ้ "มาดงซอก" ใน Train to busan เลยทีเดียว
ล่าสุดกับบทสัมภาษณ์จากสองสาวใน TRAIN TO BUSAN : PENINSULA เริ่มจากคำถามที่ว่า
อยากให้อธิบายถึงคาแรกเตอร์ของตัวเองในภาพยนตร์เรื่องนี้ ?
(อีจองฮยอน) ฉันรับบทมินจองค่ะ เป็นผู้รอดชีวิตที่อาศัยในซากปรักหักพังของเมืองค่ะ เป็นคนที่แข็งแกร่ง และเปรียบเหมือนกับสุนัขจรจัดเลยค่ะ เพราะใช้ชีวิตเพื่อปกป้องลูก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจหนีไปกับลูก ๆ พร้อมกับ จองซอก ในเรื่องนี้เป็นคาแรกเตอร์ที่เข้มแข็งมากค่ะ
(อีเร) ตัวของจุนอีถูกบังคับให้เรียนรู้ที่จะขับรถเองค่ะ เพื่อความอยู่รอดในดินแดนที่ถูกทำลายล้าง และจัดการพวกซอมบี้ด้วยรถยนต์ค่ะ ถึงแม้จุนอีจะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย เขาก็ยังดูแลครอบครัวได้ดีมากเป็นคาแร็คเตอร์ที่อบอุ่นมาก ๆ ค่ะ
คาแรกเตอร์คุณเหมือนกับ นักรบหญิง แล้วทางคุณได้มีการเตรียมตัวหรือฝึกซ้อมอย่างไรบ้างก่อนการถ่ายทำ?
(อีจองฮยอน) จริง ๆ ที่ผ่านมาฉันเล่นคาแรกเตอร์ที่แข็งแกร่งมาหลายบท ทางผู้กำกับก็เลยเลือกฉันค่ะ อีกอย่างฉันเป็นแฟนคนหนึ่งที่ได้ดู Train to Busan เลยคิดตลอดว่าฉันต้องแสดงอย่างไร ผู้ชมถึงจะอินไปกับการแสดงของเรา ตอนที่ได้อ่านบท ฉันคิดว่าแอคชั่นยาก จึงไปฝึกต่อสู้กับทีมแอ๊คชั่นไว้เยอะเลยค่ะ เผื่อว่าผู้กำกับอยากได้อะไรพิเศษ แต่ตอนถ่ายจริงกลับผ่านไปได้ด้วยดีมากค่ะ ผู้กำกับมีภาพในหัวเป็นแอ๊คชั่นที่ธรรมดาสมจริงแต่ดูแข็งแรงและใช้พลังมาก ๆ ขอบคุณผู้กำกับที่ทำให้บรรยากาศการถ่ายหนังออกมาเป็นกันเอง ทำให้ฉันเองก็สบายใจค่ะ ผู้กำกับให้ไดแรคชั่นที่ดีก่อนการถ่ายทำ ทั้ง จองซอก ทั้ง อีเร และเยวอน ทุกคนเลยตั้งใจทำงานกันได้แบบสบายใจค่ะ ชอบมาก ๆ ค่ะ ชอบทุกอย่างเลย
ตอนเข้าฉากผู้กำกับมีสั่งอะไรพิเศษไหม ตอนที่คุยกับผู้กำกับได้คุยประเด็นเกิ่ยวกับอะไรเป็นหลัก?
(อีเร) ตอนแรกกังวล และกดดันมาก เพราะต้องสื่อคาแรกเตอร์จุนอีออกไปให้ผู้ชมเห็นได้ชัด แต่ผู้กำกับพยายามผ่อนคลาย และยังบอกอีกว่าไม่ต้องกดดัน ทำให้เป็นธรรมชาติ หนูจึงทำผลงานออกมาได้ดีมากเลยค่ะ
ระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์ นักแสดงเจอปัญหาอะไรบ้าง มีความลำบากด้านไหนบ้าง?
(อีเร) ปกติการแสดงอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะมาจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเรา แต่ในหนังมีซีนที่เราไม่เคยเจอมาก่อน จินตนาการไม่ออกเลย ค่อนข้างเป็นห่วงว่าเราจะแสดงออกมาอย่างไร จะทำได้ไหม ทุกคนเหนื่อยเท่ากันหมด แต่ทีมงานทุกคนก็เต็มที่มาก ๆ เลยทำงานออกมาได้อย่างสบายใจกว่าที่เป็นกังวลค่ะ
(อีจองฮยอน) ตอนที่อ่านบท และตอนที่ไปกองถ่ายครั้งแรกกังวลมากค่ะ เพราะมีซีนแอ๊คชั่นเยอะมาก ก็เลยคิดว่าจะทำได้หรือเปล่า มันต้องเป็นการทำงานที่ยากแน่ ๆ เลยค่อนข้างทำใจมาก่อน แต่ทางผู้กำกับได้เตรียมความพร้อมมาอย่างดีค่ะ การถ่ายทำเลยรวดเร็วและแม่นยำมาก เลยไม่มีวันไหนที่รู้สึกเหนื่อยเลยค่ะ เพราะเป็นการทำงานที่คิดมาอย่างดีแล้ว การถ่ายทำจึงเสร็จอย่างรวดเร็ว ดีมากเลยค่ะ มีอยู่วันหนึ่งที่คุณคังดงวอน เลี้ยงเนื้อย่างทีมงาน เป็นเนื้อย่างอย่างดีราคาแพงมากค่ะ ทีมงานทั้งกองถ่ายเลยมีกำลังใจกันมากในการทำงาน มันเป็นความทรงจำที่ดีมากค่ะ เลยคิดว่าหลังจากนี้ถ้าได้ทำงานอื่น ก็คงจะคิดถึงกองถ่ายและการทำงานกับผู้กำกับคนนี้มากแน่ ๆ
การทำงานกับนักแสดงเป็นอย่างไรบ้าง?
(อีจองฮยอน) สนุกจริง ๆ ค่ะ ผู้กำกับเก่งมาก เขาจะแสดงตัวอย่างให้ทีมงานดูทุกครั้งก่อนการทำงานค่ะ พวกเราก็เลยมีสมาธิแถมยังสนุกมาก ๆ ในการทำงาน มีความสุขที่มาทำงานค่ะ อย่างที่บอกผู้กำกับเขามีมุมมองที่ชัดเจน มีภาพอยู่ในหัวตลอดเวลา เป็นผู้กำกับที่ดีที่สุดเลยค่ะ
(อีเร) ตื่นเต้นมากค่ะที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับและนักแสดงที่มีชื่อเสียงขนาดนี้ แต่พอถึงเวลาทำงานทุกคนทำให้บรรยากาศดีมากค่ะ แถมนักแสดงทุกคนก็ใจดีกับหนู ดูแลกันดีมาก ประทับใจมากเลยค่ะ บางครั้งการที่เรายังเด็กก็อาจจะสร้างความยากในการทำงานบ้าง แต่ผู้กำกับก็ช่วยให้หนูผ่านเรื่องหนักใจนี้ไปได้ด้วยดีค่ะ
หลังจากที่ภาพยนตร์ Peninsula ถูกรับเลือกโดยเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ คุณรู้สึกเสียใจหรือไม่ ที่ไม่ได้มีโอกาสไปร่วมในงานเปิดตัวที่นั่น?
(อีจองฮยอน) เสียใจมาก ๆ ค่ะ ถึงแม้จะเสียใจมากก็จริง แต่ฉันก็มีความสุขค่ะ ฉันได้ข่าวช่วงเช้าเลยได้ส่งข้อความหาผู้กำกับและได้รับข้อความแสดงความยินดีกลับมา ตอนนั้นดีใจมากเลยค่ะ
(อีเร) ก็คงพูดว่าไม่เสียใจไม่ได้นะคะ แต่ตัวหนูเองยังต้องสะสมประสบการณ์ในการทำงานให้มากกว่านี้ค่ะ ยังต้องทำงานให้มากขึ้น เรียนรู้อะไรเพิ่มเติม ก็เลยค่อนข้างยอมรับสิ่งนี้ค่ะ
ฝากผลงานภาพยนตร์ TRAIN TO BUSAN : PENINSULA ฝ่านรก ซอมบี้คลั่ง กันหน่อย
(อีจองฮยอน) เรื่องนี้ซอมบี้เร็วกว่า
Train to Busan แน่นอนค่ะ ทั้งตื่นเต้นและยังมอบความสะใจให้กับผู้ชมมากถึงสองเท่าเลยค่ะ ถึงแม้
Train to Busan จะสนุกก็จริง แต่
Peninsula ต้องสนุกมากกว่า
อย่าลืมใส่หน้ากากและไปชมภาพยนตร์ที่โรงภาพยนตร์นะคะ
(อีเร) ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ยากลำบากสำหรับทุกคนนะคะ อยากจะให้หนังเรื่องนี้ให้กำลังใจกับทุกๆคนค่ะ อยากให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นของขวัญสำหรับทุกๆคนเลยค่ะ