ตำรวจ-ผู้ประกอบการในปารีสประชุมรับมือม็อบไล่มาครง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ว่าสำนักงานตำรวจกรุงปารีสและตัวแทนจากผู้ประกอบธุรกิจในกรุงปารีส ประชุมนัดพิเศษร่วมกันเมื่อวันพฤหัสบดี เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือ “สถานการณ์ไม่คาดฝัน” และอาจอยู่ในระดับ “รุนแรง” เทียบเท่ากับเหตุประท้วงเมื่อวันเสาร์ที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในเวลาเดียวกับที่แนวร่วมในนาม “เสื้อกั๊กสีเหลือง” และพันธมิตรอีกหลายกลุ่ม ประกาศเชิญชวนกันอย่างเปิดเผยผ่านสื่อหลายแขนง ในการจัดการประท้วงรอบใหม่ทั่วประเทศ รวมถึงพื้นที่ซึ่งกลายเป็น “จุดยุทธศาสตร์” คือช็องเซลีเซ


 

ทั้งนี้ เบื้องต้นมีรายงานว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่สมัครใจปิดกิจการของตัวเองชั่วคราวตลอดทั้งวันเสาร์ที่ 8 ธ.ค.นี้ เนื่องจากมีความเป็นได้มากว่าจะสถานการณ์ประท้วงจะบานปลายเป็นการปะทะกันอย่างรุนแรงระกว่างกลุ่มผู้ประท้วงกับตำรวจปราบจลาจล โดยนายเคลมองต์ โรซีย์ เจ้าของร้านจักรยานยนต์และอะไหล่ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของกรุงปารีส กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่าเขามีความเข้าใจแนวร่วมเสื้อกั๊กสีเหลือง เพราะตอนนี้ทุกคน “ประสบปัญหาเดียวกัน” แต่การใช้ความรุนแรง “ไม่มีทางถูกต้องอยู่แล้ว”


กลุ่มนักเรียนในเมืองมาร์แซย์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ชุมนุมแสดงจุดยืนต่อต้านนโยบายปฏิรูปการศึกษาของรัฐบาลมาครง

อนึ่ง ดูเหมือนเงื่อนไขของกลุ่มเสื้อกั๊กสีเหลืองในตอนนี้ให้น้ำหนักมากขึ้นต่อการที่ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ต้องลาออกจากตำแหน่ง แม้รัฐบาลประกาศนำมาตรการขึ้นราคาเชื้อเพลิงออกจากแผนงบประมาณปี 2562 แต่ประชาชนจำนวนมากมองว่าผู้นำวัย 40 ปี ยังคงวางตัว “ห่างเหิน” กับประชาชน ด้วยการให้นายกรัฐมนตรีเอดูอาร์ ฟิลิป เป็นผู้ “ออกหน้า” แทนตลอดเวลาตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ที่ในเวลาเดียวกันเริ่มมีการประท้วงของนักเรียนและนักศึกษาเกี่ยวกับนโยบายปฏิรูประบบแอดมิดชั่นด้วย
 


 ด้านนายคริสตอฟ คาสตาเนอร์ รมว.กระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศส กล่าวเมื่อกลางสัปดาห์นี้ ว่าได้เตรียมกำลังตำรวจปราบจลาจลไว้มากถึง 65,000 นายเพื่อควบคุมสถานการณ์ในหัวเมืองใหญ่และในกรุงปารีส ที่มีสภาพไม่ต่างจาก “สนามรบ” เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยเรื่องการจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากประชาชนเช่นกันว่า รัฐบาล้มเหลวในการปกป้องประตูชัยและช็องเซลีเซซึ่งเป็น “สัญลักษณ์” แห่งอิสรภาพและเสรีภาพของฝรั่งเศส ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุรนแรงทั่วประเทศอยู่ที่อย่างน้อย 4 คน ส่วนผู้ถูกจับกุมเฉพาะในกรุงปารีสจากเหตุรุนแรงเมื่อวันเสาร์ที่มีมากกว่า 400 คน.

เครดิตภาพ : AFP