นายทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี ผู้จัดการประจำประเทศไทย นูทานิคซ์ ผู้นำด้านไฮบริดและมัลติคลาวด์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันเรื่องไอทีได้เข้ามามีบทบาทต่อองค์กรไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ โดยองค์กรธุรกิจมีการใช้คลาวด์ ทั้ง พับพิค คลาวด์ และ ไพรเวท คลาวด์ ซึ่งอาจจะทำเกิดความยุ่งเหยิง เพราะมาจากผู้ให้บริการที่ต่างกันเช่น ไมโครซอฟท์ อาชัวร์ (Microsoft Azure) และ เอดับบลิวเอส ( AWS ) ของ อะเมซอน เว็บ เซอร์วิส ทำให้ไฮบริดคลาวด์ กลายเป็นที่ต้องการของหลายองค์กร
บริษัทจึงได้เพิ่มขีดความสามารถใหม่บนไฮบริดคลาวด์ให้กับโซลูชั่น Objects และ Files ที่เป็นโซลูชั่นด้านการจัดเก็บ ข้อมูลแบบ Unstructured ของนูทานิคซ์ ฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้า สามารถใช้สเกลเอาต์สตอเรจ (scale outstorage) ที่ใช้งานง่ายบนสภาพแวดล้อมคลาวด์ที่แตกต่างกันได้เพื่อลดความซับซ้อนในการบริหารจัดการข้อมูลและบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเป็นการช่วยให้ทีมงานด้านไอทีเข้าใกล้การใช้โมเดลการทำงานแบบไฮบริดคลาวด์อย่างแท้จริง
การเพิ่มประสิทธิภาพที่เน้นด้านการจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้พัฒนาอยู่บน Nutanix Clusters ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ Nutanix Clusters เป็นโซลูชั่นที่สนับสนุนการใช้งานซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานไฮเปอร์คอนเวิร์จของนูทานิคซ์บน AWS และกำลังจะมีใช้บน Microsoft Azure ในอนาคต
นูทานิคซ์ยังคงพัฒนาให้เทคโนโลยีของบริษัทสามารถทำงานบนคลาวด์ประเภทใดก็ได้ในขณะเดียวกันก็มีการใช้โมเดลการทำงานที่เป็นมาตรฐานทั่วไปเพื่อปรับปรุงการจัดการด้านไอทีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้องค์กรต่าง ๆ มีความยืดหยุ่นในการใช้ทุกแอพพลิเคชั่นขององค์กรบนคลาวด์ที่เลือกเองได้ตามต้องการ
“ภาพร่วมของการลงทุนไอทีขององค์กร ในช่วงโควิดระบาดที่ผ่านมา มีบางองค์กรธุรกิจยกเลิกหรือชะลอการลงทุนไป แต่องค์กรเกี่ยวกับไอที และการขนส่ง หรือโลจิสติกส์ มีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น เพราะการระบาดของโควิด ทำให้ความต้องการเรื่องการส่งของสินค้ามีมากขึ้นด้วย ขณะที่โควิดก็เป็นตัวกระตุ้นให้องค์กรเร่งปรับเปลี่ยนองค์กรด้วย”
นายทวิพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจของนูทานิคซ์ในปีหน้าเชื่อว่าจะยังมีการเติบโตได้ เนื่องจากลูกค้าต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ปรับเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ โดยบริษัทมีทั้งลูกค้าภาครัฐ และเอกชนใน การเงิน ธนาคาร ขนส่ง โทรคมนาคม สุขภาพ และ การศึกษา.