ชีวิตคนเราเอาอะไรแน่นอนไม่ได้ จากเศรษฐีวันหนึ่งกลายเป็นยาจก จากยากจนสุดแร้นแค้นจู่ๆ ถูกรางวัลที่หนึ่งรวยเละก็มี ใครจะไปรู้.. ดั่งเช่น สองตายายชาวอ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ คู่นี้ นายพูน ศรีแก้ว อายุ 70 ปี และนางสมจิตร ศรีแก้ว อายุ 64 ปี สองสามีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากอยู่กินกันมากว่า 47 ปี ตั้งรกรากกันอยู่ที่หมู่ 19 ต.แตล มีลูก 3 คน แต่เสียชีวิตไป 1 คน ที่เหลืออีก 2 คน ต่างมีครอบครัว และอยู่ในช่วงตกงานเพราะพิษโควิด-19 มีหลานอีก 2 คน อยู่ในวัยเรียน
ปัจจุบัน "ตาพูน" กับ "ยายสมจิตร" ชีวิตบั้นปลายต้องตกระกำลำบากไม่มีบ้านอยู่ มาปลูกกระต๊อบบนที่ดินผืนน้อยริมถนนหมู่บ้านหนองผักบุ้ง โดยใช้สังกะสีเก่าๆ สแลนกันแดดที่ญาติพี่น้องและชาวบ้านให้มากั้นเป็นฝาบ้านอาศัยซุกหัวนอนไปวันๆ น้ำไฟก็ไม่มีต้องจุดตะเกียงยามค่ำมืด เวลาจะอาบน้ำเข้าห้องน้ำต้องไปขออาศัยบ้านญาติใช้ มีเพียงเตียงแคร่ไม้ไผ่และผ้าห่มผืนเก่าที่ใช้คลุมกายยามหนาวเหน็บ หากฝนตกก็อยู่ไม่ได้ต้องไปอาศัยหลบที่บ้านญาติ บางครั้งสองตายายก็คิดน้อยใจในโชคชะตาที่ชีวิตพลิกผันได้ถึงเพียงนี้
ยายสมจิตร ย้อนเหตุการณ์ก่อนจะมาถึงวันนี้ว่า ยายกับตาพูนเคยมีที่ดินของตัวเองหลายไร่ใช้ทำสวนปลูกข้าวตามประสาชาวบ้าน กระทั่งเมื่อปี 47 หลานสาวซึ่งไปมีครอบครัวที่อยู่จ.ระยอง ทำอาชีพค้าขายจนมีฐานะได้มาชวนไปลงทุนค้าขายและย้ายไปอยู่ด้วยกัน ยายกับตาก็ตกลงใจขายที่ดินที่มีอยู่ทั้งหมดที่บ้านหนองผักบุ้งนำเงินไปซื้อที่ดินปลูกบ้านอยู่จ.ระยอง ใกล้กับหลาน และเงินส่วนหนึ่งก็ลงทุนค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ขายข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว เพราะหวังจะตั้งตัวให้ได้ในเมืองเศรษฐกิจ ช่วงแรกทุกอย่างไปได้ดีมีเงินส่งค่าบ้าน มีกินมีใช้ไม่ขัดสน
แต่แล้วเหตุการณ์ก็พลิกผันหลานสาวกับหลานเขยประสบปัญหาทางด้านการเงินก็มาหยิบยืมโฉนดที่ดินบ้านที่ระยองไปจำนองกับนายทุนเงินกู้ จากนั้นไม่นานหลานสาวก็มาป่วยเป็นมะเร็งปอดและอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ไม่มีเงินส่งค่าบ้านหลายงวด จนปี 62 หลานสาวได้เสียชีวิตลง นายทุนเงินกู้ก็ตามทวงจนกระทั่งมายึดบ้านพร้อมที่ดิน ตากับยายเมื่อไม่มีบ้านอยู่ที่ระยองแล้วจึงตัดสินใจกันว่า ขอกลับมาตายกันที่บ้านเกิดดีกว่า ก่อนจะพากันกลับมากันที่บ้านหนองผักบุ้งอีกครั้ง
ด้วยความที่แก่ชราสองตายายก็มีโรคประจำตัว โดยยายสมจิตรเป็นโรคความดัน เบาหวาน และเข่าเสื่อม ส่วนตาพูนก็สายตาฝ้าฟาง ขาขวาพิการจากอุบัติเหตุรถชนเดินกะเผลกตลอดเวลา ทั้งคู่มีรายได้เลี้ยงชีวิตจากเงินคนชราและเบี้ยพิการรวมแล้วประมาณ 2 พันบาทต่อเดือน ซึ่งก็ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ไหนจะค่ากินอยู่ ค่าเดินทางไปหาหมอ บางวันตาพูนกับยายสมจิตรจะไปช่วยญาติพี่น้องที่อยู่ในหมู่บ้านตากข้าวถางหญ้าบ้าง เพราะทุกคนหยิบยื่นความช่วยเหลืออยู่เป็นประจำ แต่ในใจสองตายายก็ไม่เคยคิดอยากเป็นภาระให้กับใคร มีเท่าไหร่ก็กินเท่านั้นเพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอดตามอัตภาพ
ที่ผ่านมา นายประโยชน์ ดีอยู่ ผู้ใหญ่บ้านหนองผักบุ้ง ทราบข่าวความทุกข์ยากของตาพูนกับยายสมจิตรก็มาสอบถามด้วยความเป็นห่วง และนำเสนอโครงการไปถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อหางบประมาณในการช่วยสร้างบ้านให้สองตายาย ด้าน พ.ต.อ.สมศักดิ์ นิเต็มผกก.สภ.ศีขรภูมิ ก็ได้มอบหมายตัวแทนนำถุงยังชีพมามอบให้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ท่ามกลางความดีใจของสองตายาย โดย
ตาพูน ถึงกับน้ำตาซึมที่ได้รับน้ำใจพร้อมกล่าวว่า บางวันไม่มีข้าวกินตนกับภรรยาก็ต้องไปหยิบยืมขอข้าวสารชาวบ้านมาหุงกินประทังชีวิตไปวันๆ ขอบคุณน้ำใจจากทุกคนที่มาช่วยเหลือ
ด้านนายสุวรรณ บุญเยี่ยม รองนายก อบต.แตล กล่าวว่า ตนเองได้ประสานไปทางผู้ใหญ่บ้านหนองผักบุ้ง เรื่องจัดทำโครงการขอทำบ้านสัก 1 หลัง ให้ตาพูนกับยายสมจิตร แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเพราะต้องผ่านขั้นตอนหลายอย่างอาจจะต้องใช้เวลานาน หากพี่น้องที่มีใจกุศลอยากจะช่วยเหลือสองตายายเป็นทุนปลูกบ้านสามารถโทรศัพท์สอบถามข้อมูลกับตนได้ที่หมายเลข 085 656 1199
คอลัมน์ :
นิยายชีวิต โดย :
อสงไขย
เรื่องและภาพโดย :
คำกอง กันนุฬา เดลินิวส์ออนไลน์ จ.สุรินทร์
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่
banyen111dailynews@gmail.com
คลิกอ่านเรื่องราว "นิยายชีวิต" เพิ่มเติมได้ที่นี่..